 |
โรงเรียนบ้านท่าตาสี
ได้ดำเนินการบริหารโรงเรียนโดยใช้หลักการบริหารโรงเรียนแบบพึ่งตนเอง
สามารถพึ่งตนเองได้ทั้งในด้านงบประมาณที่ใช้บริหารโรงเรียน
นอกเหนือจากการได้รับการจัดสรรจากหน่วยงานต้นสังกัด
ด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้
ส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรง
จากการดำเนินโครงการของโครงการทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจและทักษะ
ตลอดจนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ด้านความสัมพันธ์กับผู้ปกครอง
ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของการดำเนินงานของทางโรงเรียน
โดยผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆของทางโรงเรียน
จากการดำเนินงานบริหารโรงเรียนแบบพึ่งตนเองของโรงเรียนบ้านท่าตาสี
ได้สร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียนสามารถพึ่งตนเองได้อย่างภาคภูมิใจ |

พื้นที่ส่วนที่ 1 จำนวน 10 ไร่
ขุดสระน้ำเพื่อกักเก็บน้ำในฤดูและเสริมการเพาะปลูกในฤดูแล้ง เลี้ยงปลา
เสริมอาหารกลางวันเป็นรายได้ระหว่างเรียน
 |
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวทางพระราชดำริ
โรงเรียนบ้านท่าตาสี
มีพื้นที่ทั้งหมด 50 ไร่ เป็นพื้นที่ที่เป็นอาคารเรียน อาคารประกอบ
สนามกีฬาและสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ
แล้วยังเหลือพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกมาก
ทางโรงเรียนจึงได้จัดทำเป็นพื้นที่ทางการเกษตร ตามแนวพระราชดำริ
เพื่อสนองพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ที่ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้
ดังนั้นโรงเรียนบ้านท่าสีจึงได้จัดการเกษตรทฤษฎีใหม่
เพื่อเป็นการนำแนวพระราชดำริสู่การปฏิบัติ เป็นแหล่งศึกษาของนักเรียนและชุมชน
การจัดการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงเห็นความสำคัญของน้ำและดินที่เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งสำหรับการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์
เมื่อเกษตรกรเพาะปลูกแต่ขาดแหล่งน้ำที่จะให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน
และละลายธาตุอาหารให้แก่พืชจึงทำให้พืชแคระแกร็น และให้ผลผลิตต่ำ
จึงทรงมีพระราชดำริให้เกษตรกรกันพื้นที่ส่วนหนึ่งของที่ทำกิน
เพื่อกักเก็บน้ำสำหรับบำรุงดินและต้นพืช รวมทั้งแบ่งซอยพื้นที่ที่เหลือเพิ่อประโยชน์หลายๆด้าน
จากแนวพระราชดำริโรงเรียนได้แบ่งพื้นที่ของโรงเรียนที่เหลือประมาณ 30
ไร่ออกเป็นพื้นที่ 4 ส่วน ดังนี้
|
 |
พื้นที่ส่วนที่ 2
จำนวน
7 ไร่ ปลูกผัก ปลูกข้าว ปลูกผลไม้
ปลูกกล้วยและไผ่เลี้ยงตามแนวรั้วรอบโรงเรียนผลผลิตที่ได้นำมาสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันเป็นรายได้ระหว่างเรียน
และสามารถส่งเสริมทักษะการทำงานให้กับผู้เรียน |
 |
พื้นที่ส่วนที่
3
จำนวน 5 ไร่ ปลูกผัก ปลูกไม้ผล
ปลูกพืชไร่เสริมอาหารกลางวันเป็นรายได้ระหว่างเรียน
และสามารถส่งเสริมทักษะการทำงานให้กับผู้เรียน
|
 |
พื้นที่ส่วนที่ 4
จานวน 8 ไร่ เลี้ยงโคนม โรงรีดนมวัว ฉางเก็บข้าวเปลือก
เพื่อส่งเสริมอาชีพที่สอดคล้องกับท้องถิ่นและ
ฝึกทักษะทางด้านอาชีพให้กับผู้เรียน
และเป็นการนำร่องเรื่องการเลี้ยงโคนมให้กับชุมชนในท้องถิ่น
|


ผลการดำเนินงานโครงการดังกล่าว โรงเรียนสามารถนำรายได้จากการจำหน่ายน้ำนม
มาสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรร จากหน่วยงานต้นสังกัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนสามารถให้บริการอาหารกลางวันกับนักเรียน ครบ 100 เปอร์เซ็นอย่างมีคุณภาพ
|
โครงการเลี้ยงโคนมเพื่อโครงการอาหารกลางวัน
เนื่องจากโรงเรียนบ้านท่าตาสีตั้งอยู่ใกล้กับสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น
ประกอบกับโรงเรียนมีพื้นที่พอจึงสามารถเลี้ยงโคนม
เพื่อเป็นรายได้สนับสนุนการบริหารงานของโรงเรียน
และส่งเสริมโครงการอาหารกลางวัน ให้กับนักเรียนในโรงเรียน
รวมทั้งเป็นการส่งเสริมอาชีพในชุมชน
และส่งเสริมทักษะทางด้านอาชีพให้กับผู้เรียน
เริ่มแรกการเลี้ยงโคนมของโรงเรียนบ้านท่าตาสี
ได้รับการสนับสนุนจากสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น โดย กำนันอำนวย ทงก๊ก
ให้ยืมโคนมสาวท้องจำนวน 5 ตัว ปีการศึกษา 2541 และในปีการศึกษา 2543
ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนหมุนเวียนเพื่อโครงการอาหารกลางวัน จำนวน 196,000
บาท ซื้อโคนมสาวท้องแก่เพิ่มจำนวน 5 ตัว เป็นเงิน 150,000 บาท
และซื้ออุปกรณ์เครื่องรีดนมเป็นเงิน 46,000 บาท
ปี พ.ศ. 2545 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหมุนเวียน จำนวน 181,800
บาทจัดซื้อแม่โคนมสาวเพิ่มอีกจำนวน 5 ตัว ปัจจุบันโรงเรียนมีแม่โคทั้งหมด
25 ตัว รีดนมได้ 9 ตัว ได้น้ำนมดิบประมาณวันละ 60
-
80 กิโลกรัม ส่งจำหน่ายให้กับสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นจำกัด กิโลกรัมละ 10.50
บาท โดยส่งวันละ 2 เวลา ( 6.00 น. ) และ ( 15.00 น.)
|

ผลการดำเนินงานผู้ปกครองมีความพอใจกับโครงการนี้เป็นอย่างยิ่ง
เพราะสามารถลดภาระการจัดเตรียมอาหารกลางวันมารับประทานที่โรงเรียนของบุตรหลาน
และลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารกลางวัน
|
โครงการบริจาคข้าวเปลือกเพื่ออาหารกลางวัน
จากสภาพที่ผู้เรียนอาศัยอยู่กับ ปู่ ย่า ตา ยาย
เนื่องจากพ่อแม่ต้องดิ้นรนเพื่อประกอบอาชีพนำรายได้มาจุนเจือครอบครัวเป็นส่วนใหญ่
จึงทำให้นักเรียนขาดการดูแลเอาใจใส่เรื่องการจัดเตรียมอาหารกลางวันมารับประทานที่โรงเรียน
โรงเรียนบ้านท่าตาสีเห็นความสำคัญถึงปัญหานี้
จึงอยากช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ปกครองเรื่องอาหารกลางวันของนักเรียน
จึงเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา
และที่มติที่ประชุมผู้ปกครองทุกฝ่ายเห็นชอบในการร่วมบริจาคข้าวเปลือก
เพื่อโครงการอาหารกลางวันตลอดปีการศึกษา
ซึ่งกำหนดรับบริจาคข้าวเปลือกในวันเด็กแห่งชาติของทุกปี
จำนวนข้าวเปลือกที่ได้รับบริจาคประมาณ
6 เกวียน / ปี
|

 |
โครงการสร้างโรงสีข้าวส่งเสริมผลผลิตเพื่อโครงการอาหารกลางวัน
เนื่องจากโรงเรียนบ้านท่าตาสี
ตั้งอยู่ในท้องถิ่นที่มีการประกอบอาชีพทางการเกษตรทำนาและทำไร่
ประกอบกับทางโรงเรียนได้ดำเนินกิจกรรมการรับบริจาคข้าวเปลือกสำหรับโครงการอาหารกลางวันจากผู้ปกครอง
โดยนักเรียน 1 คน ต่อข้าวเปลือก 4 ถัง
ทำให้ทางโรงเรียนมีข้าวเปลือกที่สามารถแปรสภาพเป็นข้าวสารได้โดย การสี
นอกจากผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ในโรงเรียนร่วมบริจาคแล้ว ประชาชนใน
ชุมชนยังร่วมบริจาค ให้กับทางโรงเรียน
เพื่อให้สามารถนำมาใช้ในการหุงให้นักเรียนรับประทานโดยไม่ต้องห่อข้าวมาจากบ้านดังนั้นโครงการจัดสร้างโรงสีข้าวสำหรับโครงการอาหารกลางวันจึงเกิดขึ้น
โดยเพื่อสีข้าวที่ได้รับบริจาคเพื่อใช้ในโครงการอาหารกลางวัน
ให้บริการแก่ชุมชนทั้งภายนอกและภายใน
และเป็นแหล่งในการผลิตข้าวสารคุณภาพเป็นจำหน่ายในโอกาสต่อไป
|
ผลการดำเนินกิจกรรม
- โรงเรียนสามารถจัดสร้างโรงสีข้าวที่ สามารถสีข้าวกล้องได้
โดยได้รับงบประมาณจาก เงินทุน หมุนเวียนส่งเสริมผลผลิตเพื่อ
โครงการอาหารกลางวัน เป็นจำนวนเงิน 180,000 บาท
-
โรงเรียนได้ดำเนินการสีข้าวที่ผู้ปกครองบริจาคให้นักเรียนรับประทานทุกคนในโครงการอาหารกลางวัน
เป็นข้าวสารหลังจากการสร้างโรงสีเสร็จ จำนวน 1,250 กิโลกรัม
โดยใช้หุงให้นักเรียน รับประทานประมาณ 15 - 20 กิโลกรัม ต่อวัน
- โรงเรียนได้ให้บริการแก่ชุมชน ในการแปรรูปข้าวเปลือก จำนวน 1,617
กิโลกรัม
- ผลิตผลที่ได้จากการสีข้าว ได้แก่ รำ และปลายข้าว
และแกลบสามารถจำหน่ายเป็นรายได้ของโครงการ
และมีโครงการที่จะนำไปใช้ในการขยายกิจกรรมอื่น
เพื่อส่งเสริมกิจกรรมนักเรียนและ สนับสนุนโครงการอาหารกลางวันต่อไป
- ใช้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของนักเรียน ในกระบวนการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
และการบริหารจัดการ |